0 zéro เซ-โร
1 un เอิง / une อูน (ถ้าของสิ่งนั้นเป็นคำนามเพศหญิง)
2 deux เดอ
3 trois ทรัว
4 quatre กัท-เทรอะ
5 cinq แซ็ง-ก
6 six ซีส
7 sept เซ็ต
8 huit วิต
9 neuf เนิฟ
10 dix ดีส
11 onze อ็ง-เซอะ
12 douze ดูซ-เซอะ
13 treize แทรซ-เซอะ
14 quatorze กะ-ตอรซ-เซอะ
15 quinze แก็ง-เซอะ
16 seize แซส-เซอะ
17 dix-sept ดิส-เซ็ต
18 dix-huit ดิส-วิต
19 dix-neuf ดิส-เนิฟ
20 vingt แว็ง-ต
21 vingt et un แว็ง-เต-เอิง
22 vingt-deux แว็ง-เดอ
23 vingt-trois แว็ง-ทรัว
24 vingt-quatre แว็ง-กัท-เทรอะ
25 vingt-cinq แว็ง-แซ็ง-ก
26 vingt-six แว็ง-ซีส
27 vingt-sept แว็ง-เซ็ต
28 vingt-huit แว็ง-วิต
29 vingt-neuf แว็ง-เนิฟ
30 trente ทรอง-ต
31 trente et un ทรอง-เต-เอิง
40 quarante กา-ร็อง-ต
50 cinquante แซ็ง-ก็อง-ต
60 soixante ซัว-ซ็อง-ต
70 soixante-dix 60+10 ซัว-ซ็องต-ดีส
71 soixante et onze 60+11 ซัว-ซ็อง-เต-อ็ง-เซอะ
72 soixante-douze 60+12 ซัว-ซ็องต-ดูซ-เซอะ
79 soixante ซัว-ซ็องต-ดิส-เนิฟ
80 quatre-vingts 4×20 กัท-เทรอะ-แว็ง-ต สังเกตว่าตรง vingt จะเติม s
81 quatre-vingt et un 4×20+1 กัท-เทรอะ-แว็ง-เต-เอิง ตัว s ตรง vingt หายไปเมื่อมีอะไรมาต่อท้าย
82 quatre-vingt-deux 4×20+2 กัท-เทรอะ-แว็ง-เดอ
90 quatre-vingt-dix 4×20+10 กัท-เทรอะ-แว็ง-ดีส
91 quatre-vingt-onze 4×20+11 กัท-เทรอะ-แว็ง-อ็ง-เซอะ
99 quatre-vingt-dix-neuf 4×20+19 กัท-เทรอะ-แว็ง-ดิส-เนิฟ
100 cent ซ็อง
200 deux cents เดอ-ซ็อง สังเกตว่ามีการเติม s
201 deux cent un เดอ-ซ็อง-เอิง เมื่อมีเศษตามหลัง s จะหายไป
900 neuf cents เนิฟ-ซ็อง มี s
1000 mille มีล
2000 deux mille เดอ-มีล ไม่เติม S
2015 deux mille quinze เดอ-มีล แก็ง-เซอะ
100 000 cent mille ซ็อง มีล
1 000 000 un million มิ-ลิ-ยง
20 000 000 vingt millions แว็งต มิ-ลิ-ยง เติม s อีกแล้ว
1 000 000 000 un milliard เอิง-มีลลิ-อารท (หนึ่งพันล้าน)
1 000 000 000 000 un trillion เอิง-ติล-ลิอง (ล้านล้าน)
วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2559
วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2559
Les voyelles & les accents
- Les voyelles
Les voyelles หรือสระ ในภาษาฝรั่งเศสโดยหลักมี 5 ตัวเช่นเดียวกับภาษาอังกฤษค่ะ คือ A(อา) E(เออ) I(อี) O(โอ) U(อืว) นอกจากนี้ก็มีตัว Y ด้วยค่ะ ซึ่งตัว Y นี้ ถ้าเป็นสระจะเป็นเสียง "อี" เช่นคำว่า Il y a (อิล-ลี-ยา) แปลว่า There is ในภาษาอังกฤษค่ะ ส่วนถ้าตัว Y ทำหน้าที่เป็นพยัญชนะ จะออกเสียง "ย" ค่ะ เช่นคำว่า voyelle(วัว-แยล) แปลว่าสระ
- Voyelles composées
Voyelles composées ก็คือสระผสม
an,en อ่านว่า อ็อง => danger(ด็อง-เฌ่)อันตราย, mentir(ม็อง-ตีค์)โกหก
on,om อ่านว่า อง => oncle(อ๊ง(เคลอะ))ลุง, ombre(อ๊ง(เบรอะ)) ร่มเงา
au,eau อ่านว่าโอ. => fauteuil(โฟ-เตย)โซฟา, eau (โอ)น้ำ
ou อ่านว่า อู. => ou หรือ, mourir (มูค์-คีร์) ตาย
oi,oy. อ่านว่า อัย => roi(คัว) กษัตริย์, nettoyer(แน็ต-ตัว-เย่)ทำความสะอาด
oin. อ่านว่า อวง=> loin(ลวง) ไกล, moins(มวง) น้อย
ain, ein, in อ่านว่า แอ็ง => pain(แป็ง) ขนมปัง, incapable(แอ็ง-กา-ป๊าบ(เบลอะ)) ความสามารถ
un, um อ่านว่า เอิง => emprunter(อ็อง-เพริง-เต้) ยืม
ail. อ่านว่า อายย์ => travaille(ทรา-วาย(อีย์)), ail(อายย์) กระเทียม
ei, ai อ่านว่า แอ. => faire(แฟค์) ทำ
eil อ่านว่า แอย์. => merveilleuse(แมค-แวยย์-เยิส) มหัศจรรย์
el. อ่านว่า แอล. => sel(แซล) เกลือ
ie อ่านว่า อี => ciel(ซี-แอล)ท้องฟ้า, miel(มี-แอล) น้ำผึ้ง
œ อ่านว่า เออ=> sœeur(เซอค์) พี่สาวน้องสาว
ien อ่านว่า เอียง => parisien(ปา-คี-เซียง) คนปารีส
inne อ่านว่า เอียน => ancienne(ออง-เซียน) เก่า,โบราณ
euil. อ่านว่า เออย => feuilles(เฟย) ใบไม้
œ หรือเรียกว่า e dans l'o(เออ-ด็อง-โล) อ่านว่า เออ แต่ในเวลาเขียนจริงๆแล้วเราไม่ต้องเขียนติดกันก็ได้ค่ะ เช่น sœur (เซอค์) แปลว่าพี่สาว/น้องสาว
Bœuf (เบิ๊ฟ) แปลว่าเนื้อวัว
- Les accents
accent aigu (อั๊กซอง เตกู) เอาไว้ใส่บนตัว e เป็นเส้นขีดขึ้น >> é ทำให้ออกเสียง 'เอ' เช่นคำว่า
école(โรงเรียน) อ่านว่า เอ-กอล
étoile (ดาว). อ่านว่า เอ-ทวล
échapper (หลบหนี). อ่านว่า เอ-ชัป-เป้
accent grave (อั๊กซอง กราฟ) เอาไว้ใส่บนตัว e เช่นกัน เป็นเส่นขีดลง >> è จะออกเสียง "แอ" เช่นคำว่า
mère (แม่) อ่านว่า แมค์
accent circonflexe (อั๊กซอง ซิคกงเฟล็ค) หรืออาจจะเรียนขำๆว่า "หมวกเจ๊ก" ก็ได้ค่ะ เพราะหน้าตามันเป็นแบบนี้ (^) ถ้าใส่บนตัว ê จะออกเสียง "แอ" แต่ยาวขึ้น เช่น v.être (v.เป็น/อยู่/คือ) อ่านว่า แอท(เทรอะ) แต่ถ้าใส่บนสระอื่น a i o u จะทำให้ออกเสียงสระตัวนั้นยาวขึ้น
Le tréma (เลอ เทรม่า) ตัวนี้รูปร่างเหมือน รูจมูกค่ะ เพราะว่าลักษณะเป็นจุดสองจุดวางไว้บนสระ (..) ตัวนี้นี้เราจะใส่ไว้เหนือสระ เพื่อให้เวลาอ่าน อ่านแยกเสียงกับพยัญชนะตัวหน้าค่ะ เช่น Thaïlande (ไตย-อี-ลองด์) สังเกตดูว่า จะอ่านออกเสียงแยก i ออกอย่างชัดเจน
Le cédile (เลอ เซดีลย์) ตัวนี้ลักษณะเหมือนตัวหนอน เอาไว้ใส่ใต้ตัว ç แบบนี้ค่ะ โดยจะเปลี่ยนการออกเสียงจาก "ก" เป็น "ซ" เช่น
garçon(เด็กผู้ชาย) อ่านว่า กาค-ซง
reçevoir (ได้รับ) อ่านว่า เคอ-เซอ-วัว
Les liaisons (เลอ ลีแยซง) เป็นการอ่านเชื่อมคำนั่นเองค่ะ. โดยที่พยัญชนะตัวสุดท้ายจะอ่านเชื่อมเสียงกับคำที่ขึ้นต้นด้วยสระ หรือ H muet หรือ Y เช่น
Les yeux (เล-ซี-เยอ) = ตา
Les Etats-Unis (เล-เซ-ตา-ซู-นี) = ประเทศสหรัฐอเมริกา
une heure (อืน-เนอค์) = หนึ่งชั่วโมง
วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2559
L'alphabet อาเบเซเด
L'alphabet หรือพยัญชนะในภาษาฝรั่งเศสมีด้วยกัน 26 ตัวเช่นเดียวกันกับภาษาอังกฤษเลยค่ะ เพียงแต่จะออกเสียงต่างกันเท่านั้น
A (อา) L (แอล)
B (เบ). M (แอ็ม)
C (เซ). N (แอ็น)
D (เด) O (โอ)
E (เออ). P (เป)
F (อาฟ). Q (กืว)
G (เฌ) R (แอค์)
H (อาช). S (แอส)
I (อี) T (เต)
J (ฌี). U (อืว)
K (กา). V (เว)
W (ดู-(เบลอะ)-เว)
X (อิ๊กซ์)
Y (อิ-แกร็ก)
Z (แซ่ด)
แต่จะมีบางตัวที่ออกเสียงค่อนข้างยากค่ะ เช่น H, U, Q, R, W, Y ลองมาดูกันเลยนะคะว่าพยัญชนะเหล่า
นี้ออกเสียงยังไง
A (อา) L (แอล)
B (เบ). M (แอ็ม)
C (เซ). N (แอ็น)
D (เด) O (โอ)
E (เออ). P (เป)
F (อาฟ). Q (กืว)
G (เฌ) R (แอค์)
H (อาช). S (แอส)
I (อี) T (เต)
J (ฌี). U (อืว)
K (กา). V (เว)
W (ดู-(เบลอะ)-เว)
X (อิ๊กซ์)
Y (อิ-แกร็ก)
Z (แซ่ด)
แต่จะมีบางตัวที่ออกเสียงค่อนข้างยากค่ะ เช่น H, U, Q, R, W, Y ลองมาดูกันเลยนะคะว่าพยัญชนะเหล่า
นี้ออกเสียงยังไง
- U ตัวนี้จะออกเสียง สระอี+สระอู = อีว/อืว ตัวอย่างเช่นคำว่า Université(มหาลัย) อ่านว่า อืว-นิ-แวค-ซิ-เต้. Disputer (ทะเลาะ) อ่านว่า ดิซ-ปืว-เต้
- Q ตัวนี้จะออกเสียงคล้ายตัว U ค่ะ. แต่ออกเสียงตัว 'ก' ด้วย กลายเป็น กี+กู = กีว/กืว
- R ตัวนี้แหละค่ะที่เวลาฟังคนฝรั่งเศสพูดแล้วจะเหมือนว่าเขาขากเสลดอยู่ตลอดเวลา เป็นความหินในเรื่องการออกเสียงภาษาฝรั่งเศสเลยก็ว่าได้ โดยตัว R(แอค์). จะออกเสียง 'ค' เมื่อเป็นพยัญชนะและตัวสะกด เช่น recommander(แนะนำ) อ่านว่า เคอ-กง-ม็องเด้ quatre (สี่) อ่านว่า กาท-เทรอะ (ร จะอ่านควบกล้ำเป็น ค) amour (ความรัก) อ่านว่า อา-มูค์. préfère (ชื่นชอบ) อ่านว่า เพรค์-แฟรค์
- W ออกเสียงเป็น double-v (ดู-(เบลอะ)-เว)
la hauteur(ลา โอเตอค์) = ความสูง
le heroes(เลอ-เอ-โค่) = วีรบุรุษ
**ปัญหามีว่า แล้วทีนี้เราจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าแบบไหนต้องออกเสียงแบบ H muet หรือ H aspiré ?? อันที่จริงแล้วเราไม่สามารถรู้ได้เลย เพราะฉะนั้น มีทางเดียวก็คือเราต้องจำค่ะ โดยอาศัยการฟังและการจำ และมีไม่กี่คำที่ใช้เป็นคำหลัก เพราะฉะนั้นมันก็ไม่ยากเลยค่ะ
**ปัญหามีว่า แล้วทีนี้เราจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าแบบไหนต้องออกเสียงแบบ H muet หรือ H aspiré ?? อันที่จริงแล้วเราไม่สามารถรู้ได้เลย เพราะฉะนั้น มีทางเดียวก็คือเราต้องจำค่ะ โดยอาศัยการฟังและการจำ และมีไม่กี่คำที่ใช้เป็นคำหลัก เพราะฉะนั้นมันก็ไม่ยากเลยค่ะ
วันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2559
Pourquoi apprendre le français
Salut tout le monde!!
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยนะคะว่า ตัวผู้เขียนเองไม่ได้เรียนจบด้านภาษาโดยตรงนะ ตรงกันข้ามผู้เขียนกำลังศึกษาอยู่ที่คณะนิติศาสตร์ เพียงแต่ว่าชอบภาษามากกก และมีความรู้ด้านภาษาฝรั่งเศสจากประสบการณ์โดยตรงจากการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน 1 ปี
สมัยนี้เราว่าการได้เรียนรู้ภาษาเป็นสิ่งจำเป็นมากนะ อย่างน้อยขอให้ได้รู้สักสองภาษา ยิ่งได้ภาษาที่สามด้วยยิ่งดีไปใหญ่เลย ยิ่งภาษาฝรั่งเศสแล้วส่วนตัวเราคิดว่า เป็นภาษาที่เรียนรู้ได้ง่ายมาก เผลอๆง่ายกว่าภาษาอังกฤษอีกค่ะ เพราะว่ามาจากรากศัพท์เดียวกัน ดังนั้นบางคำก็จะเขียนเหมือนกันเด๊ะ บางคำก็จะเขียนคล้ายกันมาก
Par exemple : Les adverbe ส่วนใหญ่ในภาษาอังกฤษจะลงท้ายด้วย -ly ส่วนในภาษาฝรั่งเศสจะลงท้ายด้วย -ment เช่น
Rapidly = Rapidement (ได้อย่างรวดเร็ว)
Normally = Normalement (อย่างปกติ)
Certainly = Certainement (อย่างแน่นอน)
Prudently = Prudemment (อย่างรอบคอบ, อย่างระมัดระวัง)
หรืออาจจะเป็นคำกริยาทั่วไป (Les verbes) เช่น
Arrive = Arriver (มาถึง)
Absent = Absenter (ไม่อยู่)
Change = Changer (เปลี่ยน)
Employ = Employer (ว่าจ้าง)
เห็นมั้ยว่าศัพท์พวกนี้เหมือนหรือคล้ายคลึงกันมากเลย นี่ยกมาแค่บางส่วนนะคะ
ถ้าอยากรู้ว่าภาษาฝรั่งเศสง่ายขนาดไหน อย่าลืมติดตามกันนะจ๊ะ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยนะคะว่า ตัวผู้เขียนเองไม่ได้เรียนจบด้านภาษาโดยตรงนะ ตรงกันข้ามผู้เขียนกำลังศึกษาอยู่ที่คณะนิติศาสตร์ เพียงแต่ว่าชอบภาษามากกก และมีความรู้ด้านภาษาฝรั่งเศสจากประสบการณ์โดยตรงจากการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน 1 ปี
สมัยนี้เราว่าการได้เรียนรู้ภาษาเป็นสิ่งจำเป็นมากนะ อย่างน้อยขอให้ได้รู้สักสองภาษา ยิ่งได้ภาษาที่สามด้วยยิ่งดีไปใหญ่เลย ยิ่งภาษาฝรั่งเศสแล้วส่วนตัวเราคิดว่า เป็นภาษาที่เรียนรู้ได้ง่ายมาก เผลอๆง่ายกว่าภาษาอังกฤษอีกค่ะ เพราะว่ามาจากรากศัพท์เดียวกัน ดังนั้นบางคำก็จะเขียนเหมือนกันเด๊ะ บางคำก็จะเขียนคล้ายกันมาก
Par exemple : Les adverbe ส่วนใหญ่ในภาษาอังกฤษจะลงท้ายด้วย -ly ส่วนในภาษาฝรั่งเศสจะลงท้ายด้วย -ment เช่น
Rapidly = Rapidement (ได้อย่างรวดเร็ว)
Normally = Normalement (อย่างปกติ)
Certainly = Certainement (อย่างแน่นอน)
Prudently = Prudemment (อย่างรอบคอบ, อย่างระมัดระวัง)
หรืออาจจะเป็นคำกริยาทั่วไป (Les verbes) เช่น
Arrive = Arriver (มาถึง)
Absent = Absenter (ไม่อยู่)
Change = Changer (เปลี่ยน)
Employ = Employer (ว่าจ้าง)
เห็นมั้ยว่าศัพท์พวกนี้เหมือนหรือคล้ายคลึงกันมากเลย นี่ยกมาแค่บางส่วนนะคะ
ถ้าอยากรู้ว่าภาษาฝรั่งเศสง่ายขนาดไหน อย่าลืมติดตามกันนะจ๊ะ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)